เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ ส.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราจะหาความสุขกันนะ เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เรามีวาสนาเห็นไหม ถ้าลัทธิอื่นๆ มันเป็นการอ้อนวอน มันเป็นการทำของเขา เขาว่าทำของเขามันเป็นเรื่องศาสนา เวลาหลวงตาท่านพูดนะ ศาสนาพุทธคือศาสนาแห่งพุทธะไง มีศาสดาองค์เดียวที่ปฏิภาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ คือสิ้นจากกิเลสได้ แต่อย่างนั้นมันเป็นการอ้อนวอนเอา

เป็นการอ้อนวอนนะ เป็นการประพฤติปฏิบัติมันก็เป็นการอ้อนวอนทั้งนั้นล่ะ อย่างเช่น เราศึกษาธรรมะนี่เราเข้าใจ แล้วเราไปดูงาน เห็นไหม ไปดูงานแต่เราทำงานเป็นไหม นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เห็นสภาวะต่างๆ นั่นล่ะไปดูงาน ถ้าการไปดูงาน กับเราทำงานเป็น มันคนละเรื่องนะ เราไปดูงาน เห็นสภาวะ เห็นเป็นงาน แต่ถ้าเราทำงานเป็นนี่เราเป็นเอง ใจเราเป็นเอง เราจะเข้าใจหมดเลย

เราทำเป็นกับเราไปดูงาน นี่ที่เขาถาม อภิธรรมผิดอย่างไร ผิดอย่างไร.. ผิดเพราะเขาทำเป็นสารคดี แล้วก็มาฉายให้เราดู นี่สภาวธรรมเป็นอย่างนั้น อาการของจิตเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น แล้วเราก็สร้างภาพกันว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น มันถึงไม่เป็นความจริง ถ้ามันเป็นความจริงนะเราต้องทำเป็น ถ้าทำเป็นนะ หนังสารคดีพวกนั้นเราต้องเป็นคนค้นคว้าเอง ทำวิจัยเอง แล้วเราต้องถ่ายทำเอง

เราถ่ายทำเอง เราเข้าใจเอง เราทำเอง เราเป็นเองหมด เริ่มต้นตั้งแต่เตรียมงาน เริ่มต้นตั้งแต่การถ่ายทำ ถ่ายทำเรื่องอะไร ? เรื่องชีวิตนี้ไง ชีวิตเรานี่ ชีวิต.. ดูสิ แหล่งน้ำถ้ามีฝนตก มีน้ำ ถ้ามีน้ำปั๊บนี่รอดตายแล้ว เพราะน้ำคือชีวิต ถ้ามีน้ำปั๊บพืชพันธุ์ธัญญาหารมันจะมาแล้ว เพราะมีน้ำ มีแหล่งน้ำ เพื่อเป็นการกสิกรรม เพื่อการดำรงชีวิต

ในความรู้สึกเราก็เหมือนกัน ถ้ามีหัวใจไง หัวใจคือแหล่งน้ำ ถ้ามีหัวใจมีความรู้สึกอยู่ หัวใจถ้ามีความรู้สึกมีความคิดอยู่.. นี่การประกอบธุรกิจ การทำหน้าที่การงานต่างๆ ทำมาจากความรู้สึกทั้งนั้น.. ความคิด ความอ่าน คำพูด นี่มโนกรรม

กายกรรม วจีกรรม เกิดจากมโนกรรม ถ้าไม่มีมโนกรรม.. มะนัสฺมิงปิ นิพพินทะติ มะโนสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ แม้แต่มโนก็ต้องทำลายมัน แม้แต่ความคิด พลังงานก็ต้องทำลายมัน

มโนกรรม เห็นไหม สิ่งที่เป็นความคิดขึ้นมา นี่คือแหล่งน้ำ คิดดีคิดชั่วไง ถ้าคิดดีเป็นสิ่งที่ดี นี่ทำกสิกรรม ทำสิ่งดีๆ เป็นเกษตรอินทรีย์ เป็นธรรมชาติ พอเป็นธรรมชาติขึ้นมานี่ มันเป็นอุตสาหกรรมไม่พอแล้ว ต้องใช้ทางสารเคมี ดินตายหมดเลย ทุกอย่างตาย ดินมีชีวิต ทุกอย่างมีชีวิตหมดเลย เราฟื้นฟูขึ้นมา.. ฟื้นฟูแหล่งที่ทำกิน

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันคิดทางกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันทำให้จิตตายด้านไง ทำให้หัวใจตายด้าน ทำให้สิ่งต่างๆ มันไม่ชุ่มชื่นขึ้นมา ไม่มีชีวิตชีวา แต่ถ้าเป็นคุณธรรม นี่เกษตรอินทรีย์มันจะได้มากได้น้อยก็แล้วแต่ แต่มีความสุขน่ะ มันมีความสุข มันไม่ทำให้แผ่นดินตาย มันทำให้มีสารจุลินทรีย์ของมัน มันมีทุกอย่างเป็นตามชีวิตของมัน

เราทำคุณงามความดีนี่มันสืบต่อ เห็นไหม ดูสิ สายบุญสายกรรม.. สายบุญสายกรรมทำให้เราเกิดดีขึ้น พัฒนาดีขึ้น การพัฒนานี่มันเห็นคุณค่าในชีวิตนะ มันไม่สร้อยเศร้าเหงาหงอยนะ การประพฤติปฏิบัติคอตกนะ เวลาปฏิบัติขึ้นมา ถ้าปฏิบัติไปไม่รอดนี่มันจะคอตก หัวชนฝาเลยล่ะ เอาหัวชนภูเขาไว้ แล้วทำอะไรไม่ได้

ถ้ามันไม่มีอุบายวิธีการการหาทางออก เห็นไหม เวลาหาทางออก นี่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเริ่มต้นมันไปไม่ได้ต้องย้อนกลับมาเลย ศีลเราเป็นอย่างไร การดำรงชีวิตเราเป็นอย่างไร ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อารมณ์ความคิดวันนี้เราทำอย่างไร.. ย้อนกลับมาดูหมดนะ แม้แต่อาหารคำแรกที่เอาใส่ปากนี่เอาอะไรใส่ปาก เพราะอะไร เพราะสิ่งนี้มันไปกดทับนะ แต่เราไม่ได้มองเลย ไม่ได้คิดเลย นี่มโนกรรม

ถ้าจิตมันเป็นสิ่งที่ดีนี่มันเห็นไง เห็นคุณงามความดี เห็นคุณธรรม.. สิ่งนี้เรากินธรรม เรากินความถูกต้อง แต่เราเพื่อปาก กินเพื่อกิเลส เห็นไหม มันต้องการอาหารตามแต่ความจะอยาก สิ่งนี้มันต้องการหมด แล้วมันก็เหยียบย่ำใจของเรา แต่ถ้ามันเป็นคุณธรรม.. สิ่งใดที่มันเป็นโทษกับร่างกาย เราปฏิเสธมัน เรากินเราฉันแต่สิ่งที่มันพอดำรงชีวิตเท่านั้นเอง ดำรงชีวิตเพื่ออะไร เพื่อให้ร่างกายมันปลอดโปร่ง เพื่อไม่ให้ธาตุขันธ์มันกดทับหัวใจ แล้วเราไปเดินจงกรม เห็นไหม มันก็ไม่เอาหัวชนฝาไง มันก็ไม่เอาหัวชนภูเขาไว้ไง

ไอ้นี่เอาหัวชนภูเขาไว้ อยากได้อยากดีไปหมดเลย แต่ไม่ดูที่มาของมันเลย ที่มาของมัน เห็นไหม ดูที่มาของชีวิตสิ ว่าชีวิตนี้มาจากไหน.. เราว่าชีวิตมาจากพ่อแม่ แล้วพ่อแม่มาจากไหน.. พ่อแม่ก็มาจากปู่ย่าตายาย ปู่ย่าตายายมาจากไหน.. มันสาวจบไหมล่ะ แล้วเป็นเราหรือเปล่า ปู่ย่าตายายก็เป็นปู่ย่าตายาย เป็นตระกูลของเรานะ แต่ชีวิตเราไม่ใช่เป็นมาจากปู่ย่าตายาย ไม่ได้มาจากโคตรตระกูลนะ

จิตของเราคือมาจากเรา.. จิตของเรานี่ เห็นไหม ปฏิสนธิจิตเรามาเกิดในตระกูลนี้เท่านั้น สถานะที่ได้มา ร่างกายมนุษย์นี้ได้มาเท่านั้น แต่สายบุญสายกรรมที่มานี่มันมาอย่างไร ถ้าเราไม่มีสายบุญสายกรรมกันมาเลย จิตดวงหนึ่งก็คือดวงหนึ่ง มันเกิดโดยปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตมาปฏิสนธิในไข่ของมารดา แล้วโอปปาติกะ ไปเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ไปเกิดในไข่ไหนล่ะ เวลาไปเกิดในน้ำคร่ำ เห็นไหม เราก็ไม่เป็นอีก

ดูสิ ดูพระในสมัยพุทธกาล ไปเกิดเป็นเล็นเป็นไร ทำไมเกิดได้ล่ะ ทำไมท้าวโฆสก.. ท้าวโฆสกนี่ โฆสกมาจากหมานะ หมาที่ไปคาบจีวรพระปัจเจกพระพุทธเจ้า เวลาบิณฑบาต เห็นไหม ถ้านัดพร้อมแล้วให้สุนัขนั้นมารับไป.. เขาว่าสุนัขเขาฉลาด สุนัขมันก็มา พระปัจเจกพระพุทธเจ้าเดินหลบซ้ายหลบขวา แล้วมันก็ดึงชายจีวรมา มันรักมาก มันผูกพันกันมาก ออกพรรษาแล้วพระปัจเจกพระพุทธเจ้าต้องธุดงค์ไป มันรัก มันผูกพัน มันหอนจนมันตายนะ พอตายไปเกิดเป็นเทวดา.. สุนัขมันเกิดเป็นเทวดานะ มนุษย์ไปเกิดเป็นหมา

“โตเทยยพราหมณ์.. เธอเป็นคฤหัสถ์เธอก็ตระหนี่ พอเกิดเป็นสุนัขมาเฝ้าสมบัติ เธอก็ตระหนี่” เห็นไหม

วัฏฏะอย่างนี้มันเวียนตายเวียนเกิด.. นี่จิตนี้มาจากไหน เวลาเกิดๆ จากพ่อจากแม่ เกิดจากเวรจากกรรม เกิดจากสิ่งที่การกระทำของมันมา นี่สายบุญสายกรรม เพราะอะไร เพราะเวลามันย้อนกลับไง ย้อนกลับไปบุพเพนิวาสานุสติญาณ.. ชาติที่แล้วเป็นอะไร ชาติที่แล้วอยู่กับพ่อแม่คนนี้เหรอ ดูสิเจ้าชายสิทธัตถะทำไมชาติก่อนถึงเป็นพระเวสสันดร แล้วพระเวสสันดรเกิดจากใคร เกิดจากพ่อ แล้วพระเจ้าสุทโธทนะเป็นใคร

นี่มันเป็นตระกูลเดียวกันไหม จิตเป็นตระกูลเดียวกันไหม มันเป็นสายบุญสายกรรม เราถึงบอกเวลาเกิดนะ เวลามันเข้าใจธรรมะ คนที่เกิดมานี่ไม่ได้เคยเป็นญาติเป็นพี่น้องกันมา ไม่มีเลย เราเกิดมาในวัฏฏะ เคยเป็นญาติเป็นวงศ์กันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง มันจะมีของมัน เป็นสภาวะแบบนั้น มันถึงถูกชะตา เห็นคนนั้นถูกชะตา เห็นคนนี้.. นี่เพราะอะไร เพราะเราเกิดมาในภพชาติหนึ่ง มันต้องมีผิดพ้องหมองใจกัน มันมีทั้งนั้นแหละเรื่องสายบุญสายกรรม

นี่ไงในศาสนาเราถึงให้อภัยไง สิ่งที่ให้อภัยนี่อโหสิกรรมต่อกัน เพราะมันเกิดมามันกระทบ.. นี่ถ้าพูดถึงผู้ที่จิตสะอาดแล้ว เห็นไหม มันเหมือนกับผลของวัฏฏะ... วัฏฏะ สิ่งที่กระทบกระเทือนกัน มันพัดมา ดูใบไม้มันปลิวมาสิ เวลาลมพัดมานี่ใบไม้มันปลิว กิ่งไม้มันปลิวมา มันมากระทบกัน แล้วมันก็แยกจากกันไป

ชีวิตมีเท่านี้ ! เกิดมาพบกันแล้วก็แยกจากกันไป เกิดมาหากัน เกิดมาเห็นกัน แล้วก็แยกจากกันไป แยกกันไป แต่ก่อนแยกกันไปนี่ติดอะไรไป ติดดาบไป ติดความเจ็บช้ำน้ำใจไป ติดจากคุณงามความดีไป ติดสิ่งดีๆ นี่ไงพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ถึงเกิดมาสร้างบุญกุศลก็เพราะเหตุนี้ไง เอาแต่คุณงามความดีไป ติดคุณประโยชน์ของเราไป

นี่ทำคุณงามความดี พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เราเกิดจากพ่อจากแม่ เห็นไหม พระอรหันต์ของลูกเพราะอะไร เพราะอนันตริยกรรม.. ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต ฆ่าพระอรหันต์ ฆ่าพ่อแม่ ทำให้สงฆ์สังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยกกัน

สงฆ์สังฆเภท หมายถึงสงฆ์ที่สมานสามัคคีแล้วไปยุแหย่ให้แตกแยก แต่ถ้าสงฆ์อย่างเทวทัต เห็นไหม เทวทัตยุแหย่ให้แตกแยกไป เอาพระ ๕๐๐ องค์ไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “สารีบุตร.. เธอจงไปเอาภิกษุเหล่านั้นคืนมา” พระสารีบุตรไปเทศนาว่าการเอาลูกศิษย์ของพระเทวทัตกลับมา สงฆ์แตกแยกไหม

สงฆ์ที่มีปัญหากันแล้วเราไปสมาน ไม่เป็นสงฆ์แตกแยก ยุแหย่ให้สงฆ์แตกแยกทางสังฆเภทหมายถึงเขารักกัน เขาดีกัน เขาสมานสามัคคีกัน แล้วเราเห็นแล้วอิจฉาตาร้อน เราไปยุแหย่ให้เขาแตกแยกกัน นั่นคือสังฆเภท ! แต่ถ้าสงฆ์เขามีปัญหากัน เราไปเคลียร์ปัญหา เราไปชักนำให้เขาสามัคคีกัน ทำให้เขาดีกัน อันนั้นไม่ใช่สังฆเภทหรอก เพราะเรารู้สิ่งที่ถูกที่ผิด

ดูสิ พระที่ตามพระเทวทัตไป ๕๐๐ องค์ เวลาพระสารีบุตรไปเทศนาว่าการ แล้วเอาพระกลับมา เห็นไหม เอาพระกลับมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำสังฆเภทไหม ทำให้พวกเทวทัตแตกแยกกันไหม.. ไม่แตกแยก เพราะสิ่งนี้ที่เขาออกไป เขาออกไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ เขาออกไปด้วยความไม่รู้ พระบวชใหม่ ไม่มีวุฒิภาวะ เห็นพระเทวทัตเวลาขอพร ๕ ข้อ.. นี่ต้องอยู่โคนไม้เป็นวัตร ต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์ ต้องต่างๆ อย่างนี้พอเห็นแล้วมันทึ่ง โอ้โฮ.. ดูทางโลกธรรม โอ๋ย.. มันน่าทึ่ง

แต่ในความเป็นจริงพระพุทธเจ้าละเอียดกว่านั้น เพราะเป็นจริตนิสัย นิสัยของคนถ้าใครปรารถนาทางนั้น พระพุทธเจ้าอนุญาต แต่ไม่บังคับตายตัว ถ้าบังคับตายตัวเด็กทำไม่ได้หรอก ผู้ใหญ่นี่ให้เดินมา หรือให้นั่งเฉยๆ นี่ผู้ใหญ่ทำได้ เด็กมันทำได้ไหม.. เด็กมันทำไม่ได้ ถ้าเด็กมันโตขึ้นมาเด็กมันทำได้ไหม

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าใครเห็นคุณประโยชน์ของมัน ใครมีความปรารถนาจะทำ โอเคเลย พระพุทธเจ้าอนุโมทนาด้วย คนทำดีพระพุทธเจ้าอนุโมทนาหมด แต่ ! แต่ต้นไม้ทุกอย่างมันต้องมีลูกไม้ก่อน มันต้องมีหน่อใหม่ของมันเกิดขึ้น ในศาสนาก็เหมือนกัน จะบอกว่าให้เป็นอย่างนั้นตายตัวมันเป็นไปไม่ได้ มันมีการพัฒนาการของมัน

ทีนี้ในเมื่อมีการพัฒนาการของมัน จิตถ้ามันหยาบขึ้นมา จิตนั้นมันไม่พอใจขึ้นมา อะไรมันก็ไม่ยอมรับ ถ้าจิตมันพัฒนาขึ้นมา อะไรมันก็เห็นดีไปหมด.. ถ้าเห็นดี ใครต้องการทำ พระพุทธเจ้าอนุญาต แต่ถ้าบังคับนี่พระพุทธเจ้าไม่อนุญาต เห็นไหม นี่เทวทัตเลยแยกออกไป แล้วสงฆ์พวกนี้ไม่มีวุฒิภาวะก็ตามไป เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่เหนือกว่าพระพุทธเจ้า สุดท้ายแล้วพระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรไปเทศน์เอากลับคืนมา ไม่ใช่สังฆเภท !

สังฆเภทหมายถึงหมู่สงฆ์ที่สนิทชิดเชื้อกัน หมู่สงฆ์ที่มีความสุข มีความดี แล้วเราไปยุแหย่ให้แตกแยกถึงเป็นสังฆเภท นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ในชาติปัจจุบันนี่พ่อแม่มีคุณมาก เพราะเกิดมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขนะ ดีเอ็นเอไปตรวจเป็นของพ่อแม่หมดล่ะ แต่นิสัยใจคอไม่ใช่ กรรมพันธุ์ต่างๆ ของพ่อของแม่หมดเลย เพราะมันมีบุญมีกรรม เกิดชาติหนึ่ง ผลที่ตอบสนองมันเป็นวิบากกรรมที่เราเกิดมาเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกกัน

ในเมื่อเกิดมาเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกกัน พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ พ่อแม่ก็คือพระอรหันต์ของลูกใช่ไหม เพราะชีวิตที่ได้มา เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย พ่อแม่มีคุณมาก แต่มีคุณมากมันเป็นคุณในชาตินี้ไง แต่ถ้าพูดถึงธรรมะ เห็นไหม มันมองข้างภพข้ามชาติ มันมองอดีต มองไปไกลกว่านั้นไง แต่ในสังคมโลกสมมุติเป็นเท่านี้ เท่านี้ก็ต้องรักษากันเท่านี้ ถ้ามีประโยชน์เท่านี้ก็จะเป็นเท่านี้ แล้วนี่ทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดีต่อกัน ให้มันดีไป ทุกอย่างดีไป.. มีเท่านี้เอง เกิดดับไม่มีอะไรเลย สมมุติอยู่ เกิดแล้วดับมันเวียนไปตามธรรมชาติของมัน

ศึกษาธรรม เห็นไหม ศึกษาธรรม นี่ไปดูงาน.. ดูงานนี่ฟังธรรมๆ ธรรมเป็นอย่างนั้น.. อย่างนั้น.. อย่างนั้น.. นี่สภาวธรรมๆ แต่เราไม่เป็นเอง ถ้าเราเป็นเองนะ.. เราเป็นธรรมเสียเอง ใจเป็นธรรม ! นี่ใจเป็นธรรมเสียเอง คือใจมันหลุดพ้นออกมาเอง ใจดวงนั้นทำมาอย่างไร

นี่ไงภาคปฏิบัติมันมีตรงนี้ไง ตรงที่รู้จริงเห็นจริง และปล่อยวางได้จริง ! ไม่ใช่รู้จำ เห็นสภาวะเราก็เห็นได้ ดูสิเงินในท้องตลาด เห็นไหม มันเคลื่อนไหวอยู่นี่เงินเท่าไหร่ เป็นล้านๆๆๆ เลย เราก็เห็นกระดาษหมุนไปหมุนมา แล้วมันเป็นของเราหรือเปล่า.. แต่ถ้าเป็นของเรานะ มันจะมีความรู้สึกต่างกันมากเลย

เงินนั้นของเรา เราเห็นเงินหมุนในตลาด นี่ก็เป็นธรรมะ.. สภาวธรรม ธรรมะๆๆๆ ธรรมะแล้วมึงทุกข์ไหมล่ะ ธรรมะแล้วมึงมีสติไหมล่ะ ธรรมะมึงยับยั้งตัวมึงเองได้หรือยัง นี่ยับยั้งความคิดกับยับยั้งสิ่งที่จะไปถากถางคนอื่น ยับยั้งหัวใจของตัวเองนี่ยับยั้งได้หรือยัง

นี่ความนิ่งอยู่ เห็นไหม ดูสิ “อย่าดูความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้านะ” พระอริยเจ้านิ่งอยู่เพราะมันรู้เท่าทันตัวเองไง รู้เข้าใจวัฏฏะทั้งหมดเลย แล้วพูดออกไป.. ครูบาอาจารย์ท่านบอกเลยนะ ดูสิพอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาแล้ว จะเทศนาว่าการจะสอนใคร ว่าไปเขาว่าบ้านะ พูดไปเขาว่าบ้า เพราะมุมมองมันต่างกัน โลกธรรมมันมองสวนกลับเลย ทวนกระแสหมดเลย

โลกเขามองกันไปอย่างนั้น แต่พอธรรมนี่ย้อนกลับมาเลย เพราะอะไร เพราะเราเกิดมาเพื่อจะสลัดมันทิ้ง ไม่ใช่เกิดมายึดถือมัน ถ้าจะสลัดมันทิ้งเอาอะไรมาสลัดมัน ถ้าไม่เห็นใจ ถ้าไม่รู้จักใจแล้วจะเอาอะไรสลัดมัน.. ดูสิคนสลัด เขาตายแล้วนี่ไปเผาที่เชิงตะกอน มันสลัดได้ไหม มันเป็นเถ้าถ่านไปหมดเลย มันสลัดอะไรออกไป มีแต่น้ำตาไง มีแต่ความผูกพันไง มีแต่ความอาลัยอาวรณ์ นี่สลัดอะไรออกไป.. แต่ถ้าเราสลัดมันสลัดที่หัวใจ นี่มันสลัดเดี๋ยวนี้เลย แล้วสลัดเดี๋ยวนี้ เพราะมันพ้นไปเดี๋ยวนี้ เห็นไหม นี่เกิดมาแล้วได้เป็นประโยชน์กับเรา

นี่ศึกษาธรรม.. ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ว่าศาสนาพุทธนี้เป็นศาสนาแห่งปัญญานะ ศาสนาที่มีคุณประโยชน์มาก แต่คุณประโยชน์มาก เราต้องให้เป็นคุณประโยชน์จริง เราอย่าเอากิเลสเราไปเหนี่ยวให้ฟ้าต่ำ เหนี่ยวให้ธรรมะนี้มาเป็นวิทยาศาสตร์ มาเป็นสิ่งที่โลกๆ มันเป็นโลกไง เห็นไหม โลกียธรรม

โลกุตตรธรรม..ธรรมเหนือโลก ถ้ามันอยู่ในโลกมันจะพ้นจากโลกได้อย่างไร ถ้าเป็นธรรมของโลกมันจะพ้นจากโลกไปได้อย่างไร แล้วมันพ้นจากโลกมันพ้นจากที่ไหน ก็พ้นไปจากโลก โลกคือตัวจิต โลกคือหมู่สัตว์ โลกคือสัตว์โลก โลกคือจิต เห็นไหม

นี่สัตว์โลก..โลกนี้มีเพราะมีเรา ถ้ามันสลัดทิ้งนี่ต้องเกิดจากโลก เกิดจากภวาสวะ เกิดจากภพ เกิดจากเรา.. ธรรมะเกิดจากหัวใจ ธรรมะเกิดจากความรู้สึกของเรา ไม่ใช่เกิดจากท้องฟ้า ไม่ใช่เกิดจากตู้พระไตรปิฎก

ตู้พระไตรปิฎกเป็นวิชาการ เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วางธรรมวินัยไว้ แต่ถ้าเวลามันเกิด มันเกิดกับเรา สมาธิมันเกิดกับเรา สติเกิดกับเรา เกิดจากจิต จิตมันรู้ของมันหมด มันเข้าใจของมันหมด ไม่มีสิ่งใดสงสัยเลย มันสลัดได้หมดเลย มันถึงเป็นความจริงขึ้นมาไง.. ธรรมะเกิดจากหัวใจ เกิดจากภพ เกิดจากสิ่งที่มันหมุนออกไป เห็นไหม นี่เวลามันพ้นออกไปแล้ว มันสลัดออกหมดเลย

นี่เป็นคุณธรรม.. ถ้าแหล่งน้ำ สิ่งต่างๆ ทำให้สดชื่นรื่นรมย์ขึ้นมา หัวใจที่มีศีลธรรมขึ้นมา มันจะทำให้เรารื่นเริงขึ้นมานะ มันจะทำให้เรารื่นเริง เรามีความสุขของเรา แล้วเราจะเข้าใจตามวุฒิภาวะของเรา มันจะเข้าใจตามความเป็นจริงของเรา เอวัง